การสกัดจุด

จุดสำคัญของร่างกาย
ในศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัเฮอลีชวน HER LI CHUAN
การเรียนรู้จุดต่างๆในร่างกายของคน เป็นสิ่งสำคัญที่จัดว่าเป็นเคล็ดลับของวิชาการต่อสู้ป้องกันตัว เฮอลีชวน จุดสำคัญต่างๆที่อยู่ตามรางกายของคนเรานั้น ทางการแพทย์จีน เรียกว่า เสวีย (Point) จุดสำคัญต่างๆเหล่านี้มีความสัมพันธ์ต่ออวัยวะภายในของร่างกาย ซึ่งเกี่ยวกับระบบพลัง และ โลหิตที่วิ่งไปสู่อวัยวะภายใน เส้นทางที่พลัง และ โลหิตวิ่งไปสู่ร่างกายนี้ เรียกว่า เสวี้ยลู่ หรือ แพทย์จีน เรียกว่า จิงเล่อ (Meridian Line)

               จุด (Point) ตั้งอยู่บนของร่างกาย ทำหน้าที่เชื่อมต่อกับเส้นทางเดินของพลัง และ โลหิต ที่วิ่งสู่อวัยวะภายใน จุดต่างๆเหล่านี้เปรียบเสมือนจุดพักของพลัง และ โลหิต ด้านการแพทย์จีน ถือว่า ในร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยธาตุทั้ง5 คือ ดินทอง น้ำ ไม้ ไฟ แต่ละธาตุจะกำเนิดธาตุหนึ่งจากอีกธาตุหนึ่ง เมื่อธาตุใดธาตุหนึ่งน้อยไปหรือมากไป เรียกว่า ธาตุหย่อน และ ธาตุกำเริบ การแพทย์จีนได้เปรียบเทียบอวัยวะภายในไว้กับธาตุทั้ง5 ซึ่งมีเส้นทางพลัง และ โลหิตวิ่งเข้าสู่อวัยวะภายใน โดยมีจุดต่างๆเป็นตัวเชื่อมต่อให้พลังและโลหิตวิ่งสู่ส่วนต่างๆขอวัยวะภายใน เมื่อพลัง และโลหิตที่วิ่งเข้าสู่อวัยวะภายในไม่สมดุลกันโรคภัยไข้เจ็บก็จะเกิดขึ้น การรักษาผู้ป่วยทางเภสัช (ทางยา) เพื่อให้ภายในร่างกายเกิดความสมดุล หรือ การรักษาด้วยการฝังเข็ม เพื่อไปสกัด หรือกระตุ้นจุดเชื่อมต่างๆของเส้นทางพลัง และโลหิตให้วิ่งเข้าสู่อวัยวะภายในได้สมดุล

               ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว การตี ต่อยหรือ จี้สกัด เป็นการทำให้จุดเชื่อมตามเส้นทางพลังและโลหิตที่วิ่งเข้าสู่อวัยวะภายในเกิดความบอบช้ำ หากถูกตีสกัดจุดตามยามเวลา ทำให้ระบบการไหลเวียนของพลังและโลหิตถูกทดเวลาให้ไหลเข้าสู่อวัยวะภายในไม่สมดุล เป็นสาเหตุให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตที่ไหลสู่อวัยวะภายในนั้นๆไม่สะดวก เกิดการสะดุด หรือติดขัด เกิดการแปรปรวนจนเกิดอาการเจ็บป่วย และในที่สุดอาจถึงขั้นเสียชีวิต
การสกัดจุดในศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว เฮอลีชวน นั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ

1. การสกัดจุดแบบตามยามเวลา
2. การสกัดจุดแบบไม่ตามยามเวลา

             ในบทนี้จะขอกล่าวถึงการสกัดจุดแบบไม่ตามยามเวลา ส่วนการสกัดจุดแบบตามยามเวลาจะขอกล่าวในบทต่อไป การสกัดจุดแบบไม่ตามยามเวลา คือ การสกัดจุดใหญ่แบบกว้างๆแต่มีผลโดยตรงต่ออวัยวะภายใน หมายถึงการตี หรือ ต่อยไปตามจุดที่ตั้งของอวัยวะภายในนั้นๆโดยตรง จุดใหญ่ (ต้าเสวีย) ทั่วร่างกายมี 36 จุด

              การหาจุดใหญ่แบบกว้างๆในร่างกาย นักศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวชาวจีน นิยมหาด้วยการใช้มือคืบ โดยใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้คืบหา เริ่มต้นให้นิ้วชี้จดที่จุดสิ้นฮุ่ย (จุดกลางกระหม่อม)  แล้วคืบต่อไปจนทั่วศีรษะ ใบหน้า ลำตัวทั้งด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง ให้นิ้วหัวแม่มือ และ นิ้วชี้เปรียบเหมือนวงเวียนกฎเกณฑ์มีอยู่ว่า จุดแต่ละจุดที่ต่อเนื่องกันจะต้องวัดได้หนึ่งคืบระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ รวมแล้วได้ 36 จุดใหญ่ ดังนี้

1. จุด สิ้นฮุ่ย (จุดกลางกระหม่อม)
2. ปี๋เหลียง (สันจมูก)
3. จุด จว่อไท่หยาง (ขมับซ้าย)
4. จุด อิ้วไท่หยาง (ขมับขวา)
5. โหวเอี้ยน (คอหอย,ลูกกระเดือก)
6. วิงจุง (กลางอก)
7. จว่อหยู่เสี้ย (ใต้ราวนมซ้าย)
8. อิ้วหยู่เสี้ย (ใต้ราวนมขวา)
9. จว่อเฉียนเสสั้ง (ชายโครงส่วนบนใต้รักแร้ ด้านซ้ายหน้า)
10. อิ้วเฉียนเสสั้ง (ชายโครงส่วนบนใต้รักแร้ ด้านขวาหน้า)
11. จุด จิเหว่ย (ลิ้นปี่)
12. จว่อเฉียนเสจุง (ชายโครงส่วนกลาง ด้านซ้ายหน้า)
13. อิ้วเฉียนเสจุง (ชายโครงส่วนกลาง ด้านขวาหน้า)
14. ฉีจุง (บริเวณสะดือ)
15. จว่อเฉียนเสเสี้ย (ชายโครงล่าง ด้านซ้ายหน้า)
16. อิ้วเฉียนเสเสี้ย (ชายโครงล่าง ด้านขวาหน้า)
17. หยินเหมิน (บริเวณอวัยวะเพศ)
18. กังเหมิน (บริเวณทวารหนัก) 
19. อุ่ยตี่กู๋ (กระดูกก้นกบ)
20. จุหมิงเหมิน (ตรงกลางกระดูกสันหลังบริเวณเอว)
21. จว่อโห้วเสเสี้ย (ชายโครงล่าง ด้านซ้ายหลัง)
22. อิ้วโห้วเสเสี้ย (ชายโครงล่าง ด้านขวาหลัง)
23. จุดจี่จุง (ตรงกลางกระดูกสันหลังส่วนอกข้อที่10)
24. จว่อโห้วเสจุง (ชายโครงส่วนกลาง ด้านซ้ายหลัง)
25. อิ้วโห้วเสจุง (ชายโครงส่วนกลาง ด้านขวาหลัง)
26. จุดจื้อหยาง (ตรงกลางกระดูกสันหลังส่วนอกข้อที่7)
27. จว่อโห้วเสสั้ง (ชายโครงบน ด้านซ้ายหลัง)
28. อิ้โห้วเสสั้ง (ชายโครงบน ด้านขวาหลัง)
29. จุดเซินจู้ (ตรงกลางกระดูกสันหลังส่วนอกข้อที่3)
30. จว่อเทียนจง (ตรงกลางร่องกระดูกสะบักด้านซ้าย)
31. อิ้วเทียนจง (ตรงกลางร่องกระดูกสะบักด้านขวา)
32. จว่อเจียนเว่ยอวี๋ (หัวไหล่ด้านหลังซ้าย)
33. อิ้วเจียนเว่ยอวี๋ (หัวไหล่ด้านหลังขวา)
34. จุดต้าจุย (กระดูกสันหลังส่วนคอข้อที่7)
35. จุดเอี่ยเหมิน (ท้ายทอยบริเวณตีนผมใต้กระดูกสันหลังส่วนคอข้อที่1)
36. จุดไป๋ฮุ่ย (บนยอดศีรษะตรงกลางด้านกลัง)

ทั้ง 36 จุดดังกล่าว เป็นการหาจุดแบบกว้างๆ ในบางตำแหน่งของจุดนี้ จำเป็นต้องใช้ชื่อจำเพาะ เนื่องจากเป็นบริเวณที่เรียกชื่อคล้ายกัน อาจทำให้สับสนได้ หากศึกษาจุต่างๆเหล่านี้ให้รู้จริง จะเป็นประโยชน์แก่ด้านการต่อสู้ป้องกันตัวอย่างมาก
อ้างอิง http://herlichuan.com/hlctheory/point.htm